" มีสิทธิ์รับหน่วยพัฒนาความรู้ (PDU) ตามที่สภาวิศวกรให้การรับรอง
เพื่อประโยชน์ในการสอบเลื่อนระดับเป็นสามัญวิศวกร และวิศวกรอาเซียน (AEC) "
" มีสิทธิ์รับหน่วยพัฒนาความรู้ (PDU) ตามที่สภาวิศวกรให้การรับรอง
เพื่อประโยชน์ในการสอบเลื่อนระดับเป็นสามัญวิศวกร และวิศวกรอาเซียน (AEC) "
ระบบเคเบิลใต้ดิน (Underground Cable System) ถูกนำามาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายไฟฟ้า ปรับปรุงภูมิทัศน์ของพื้นที่จ่ายไฟฟ้าและลดอุบัติภัยจากไฟฟ้าต่อชีวิตและทรัพย์สินที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แนวสายไฟฟ้าและให้สวยงามเป็นระเบียบ ระบบเคเบิลใต้ดินจึงถูกนำามาติดตั้งเพื่อจ่ายไฟฟ้าสำาหรับ พื้นที่ศูนย์กลางเมืองและธุรกิจขนาดใหญ่ พื้นที่อุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีระดับสูง พื้นที่ศูนย์กลาง ธุรกิจการท่องเที่ยว พื้นที่ที่มีความสวยงามหรือมีความสำาคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นพื้นที่พัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่ อาศัยแห่งใหม่ เพื่อสนองตอบความต้องการข้างต้น แม้จะเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า ระบบเคเบิลใต้ดินสามารถ ให้ความเชื่อถือได้ในการจ่ายไฟฟ้าได้ดีกว่าระบบสายไฟฟ้าบนอากาศ (Overhead Lines System) เนื่องจาก มีฉนวนที่แข็งแรง ทั้งถูกฝังไว้ใต้ดินอย่างมิดชิด มีการป้องกันอย่างหนาแน่น ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อม ภายนอก เช่น สภาพภูมิอากาศ อุบัติเหตุรถชนเสาไฟฟ้า การสัมผัสจากต้นไม้ สัตว์ หรือคน เป็นต้น แต่หาก วิเคราะห์ลึกลงไปในแง่ของจำานวนครั้งเฉลี่ยไฟฟ้าดับ (SAIFI) หรือระยะเวลาเฉลี่ยไฟฟ้าดับ (SAIDI) แล้วจะพบ ว่าระบบเคเบิลใต้ดินจะมีค่า SAIFI น้อยกว่า แต่กลับมี SAIDI มากกว่า เนื่องจากถ้าเกิดเหตุชำา รุดกับ สายเคเบิลใต้ดินแล้ว จะต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมแก้ไขนานกว่าระบบสายไฟฟ้าแบบอากาศมาก อีกทั้ง สายไฟฟ้าใต้ดินจะมีอายุการใช้งานสั้นกว่าสายไฟฟ้าอากาศ ดังนั้นเพื่อรับประกันผลการใช้งานระบบสายเคเบิล ใต้ดินให้ได้อย่างมีคุณภาพ เชื่อถือได้ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงต้องอาศัยการวางแผน ออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้ง บำารุงรักษา ใช้งาน และทดสอบอย่างถูกต้องและเหมาะสม
ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการนำาระบบเคเบิลใต้ดินมาใช้มากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐบาลได้อนุมัติ เงินลงทุนเพื่อให้การไฟฟ้านครหลวงนำาสายไฟฟ้าลงใต้ดินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อรองรับ การเป็นมหานครแห่งอาเซียน และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนำาสายไฟฟ้าลงใต้ดินสำาหรับหัวเมืองใหญ่ต่างๆ ในพื้นที่ ต่างจังหวัด ประกอบด้วยพื้นที่ดำาเนินการทั้งหมด 16 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ 12 เขต ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุดรธานี มุกดาหาร นครราชสีมา ขอนแก่น นครพนม พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม เพชรบุรี ภูเก็ต นครศรีธรรมราช และสงขลา เป็นต้น ขณะเดียวกันผู้ผลิตไฟฟ้า เอกชนหลายรายก็มีการเชื่อมต่อระบบสายไฟฟ้าใต้ดินจากโรงไฟฟ้าของตนเองไปยังลูกค้าที่รับไฟตรงในเขตนิคม อุตสาหกรรม เพื่อรับประกันความเชื่อถือได้ในการจ่ายไฟฟ้า ส่วนโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานหมุนเวียน เช่น Solar Farm หรือ Wind Farm รวมทั้งหมู่บ้านจัดสรรที่ต้องการทัศนียภาพที่สวยงาม ก็มีการติดตั้งระบบสายเคเบิลใต้ดิน เป็นจำานวนมากเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันประเทศไทยกำาลังประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ทักษะที่เหมาะสมต่อการบริหาร สินทรัพย์ระบบสายเคเบิลใต้ดิน ทั้งด้านการวางแผน ออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้งใช้งานและบำารุงรักษาและทดสอบ ขาดเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำาหรับการทำางาน ดังนั้นจึงมีความจำาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำาการพัฒนา ให้ได้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญที่เหมาะสมในจำานวนที่เพียงพอต่อภารกิจดังกล่าวข้างต้น
สมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) ได้เล็งเห็นถึงความสำาคัญจึงได้จัดให้มีการสัมมนาเชิงวิชาการเรื่อง “ระบบไฟฟ้าและสื่อสารเคเบิลใต้ดิน สำาหรับโครงการพัฒนาในเมืองหลวงและเมืองใหญ่: โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี การออกแบบ ติดตั้ง ทดสอบ ปฏิบัติการ และบำารุงรักษา-พร้อมเยี่ยมชม โครงการอุโมงค์ สายส่ง-สายป้อน (Outgoing) สถานีต้นทางชิดลม ณ การไฟฟ้านครหลวง เพลินจิต” โดยการสนับสนุนวิชาการจาก กฟผ. กฟภ. กฟน. บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ผู้ออกแบบ ผู้รับเหมา และผู้ผลิต บริษัทผู้ประกอบการและสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในงานภาคปฏิบัติโดยตรง
บริษัท เทคโนโลยี มีเดีย จำกัด
เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 0-1055-36060-06-5 (สำนักงานใหญ่)
(ผู้ได้รับการมอบหมายจากสมาคม ฯ ในการดำเนินการรับลงทะเบียน รับชำระค่าลงทะเบียน และออกใบเสร็จรับเงิน)
471/3-4 อาคารพญาไทเพลส ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. 10400
โทร:0-2354-5333 Ext. 500/503
อีเมล์: seminar@greennetworkseminar.com
หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเจ้าหน้าที่สมาคม ฯ
ดร.ประดิษฐพงษ์ สุขสิริถาวรกุล Secretary, IEEE Ai & Energy Society - Thailand
โทร. 081-821-6117